ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ปากคลองลัดพลี (เหล่าตั๊กลั๊ก)
老噠叻 Lǎo Dā Lè
จากเส้นทางอันยาวไกล... ต้นกำเนิดแห่งสายน้ำคลองดำเนินสะดวก
เริ่มแต่ประตูน้ำบางยางสุดปลายทางประตูน้ำบางนกแขวก
ประวัติคลองดำเนินสะดวก มหัศจรรย์คลองขุดตรง
อำเภอ ดำเนินสะดวก ในสมัยก่อนเป็นที่ราบลุ่ม มีป่าดงไผ่ และต้นเสือหมอบไม่มีคลองมากมายเหมือนเช่นในปัจจุบันมีคลองธรรมชาติ
เช่น คลองบางป่า คลองแพงพวย คลองสี่หมื่น คลองบางพัง คลองบางนกแขวก
ซึ่งแต่เดิมเป็นทางเกวียนและระแทะ
(เกวียนสำหรับนั่งขนาดเล็กชนิดหนึ่งเพื่อให้ไปได้เร็ว, เกวียนเล็กที่ใช้เทียมด้วยโค)
มีน้ำไหลผ่านเฉพาะในฤดูน้ำหลาก เมื่อถึงฤดูแล้งจะไม่มีน้ำเลย
การคมนาคมส่วนใหญ่เดินด้วยเท้าหรือใช้พาหนะ เช่น ช้าง ม้า ทางน้ำใช้เรือพาย
เรือแจว เรือใบ เรือสำเภา ในสมัยนั้น การเดินทางติดต่อกันทางเรือมีความสำคัญมาก
จะเห็นได้ว่าที่ทำการของรัฐ เช่น ศาลากลางจังหวัดหรือที่ว่าการอำเภอ ฯลฯ
จะสร้างอยู่ริมทะเลหรือริมคลองเป็นส่วนใหญ่ การคมนาคมทางเรือระหว่างกรุงเทพฯ
กับจังหวัดราชบุรี
ในสมัยนั้นจะล่องมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าคลองดาวคะนองไปออกจังหวัดสมุทรสาคร
แล้วเข้าคลองสุนัขหอนไปออกแม่น้ำแม่กลองที่จังหวัดสมุทรสงคราม
ขึ้นไปถึงจังหวัดราชบุรี
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้ทรงพระราชดำริว่า “การคมนาคมที่ไปมาระหว่างกรุงเทพฯ
สมุทรสาครมีคลองภาษีเจริญที่ทำการสัญจรไปมาได้สะดวกดี แต่ถ้ามีคลองระหว่างกรุงเทพฯ
สมุทรสงคราม และราชบุรีก็จะสะดวกขึ้นอีกเป็นอันมาก
โดยที่อาศัยแม่น้ำแม่กลองเป็นสื่อกลางเมื่อเป็นคลองได้
การไปมาหาสู่โดยทางน้ำก็จะมีความสามารถและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น”
ใน พ.ศ. 2409 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 4 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้สมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ที่พระสมุหกลาโหม
เมื่อครั้งยังพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระปราสาทสิทธิ์
เป็นผู้อำนวยการขุดคลองที่เชื่อมจากแม่น้ำท่าจีนเริ่มจากปากคลองบางยาง
อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร กับแม่น้ำแม่กลอง ตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคนที
จังหวัดสมุทรสงคราม โดยมีสมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เป็นผู้ควบคุมดูแล
และใช้กำลังของทหาร ข้าราชการ ประชาชน
ตลอดจนชาวจีนที่มาอาศัยอยู่ในเมืองไทยใหม่ๆร่วมกันขุด
การขุดดินนี้ใช้กำลังแรงงานของคนล้วนๆ โดยไม่ได้ใช้เครื่องจักรหรือเครื่องทุ่นแรงอย่างอื่นเลย
จากคำบอกเล่าของพระคุณท่าน หลวงพ่อพระครูวิชัย ศีลคุณ (กลม คุณสีโล)
อดีตเจ้าอาวาสวัดหลักหกรัตนาราม (อ้างโดย พระครูสิริวรรณวิวัฒน์
เจ้าอาวาสวัดหลักหกรัตนาราม) ว่า “ที่ทำการขุดคลองกันจริงๆ ส่วนมากจะเป็นคนจีนที่มาอยู่ในเมืองไทยใหม่ๆเป็นผู้รับจ้างขุด
หากเดือนหงายกลางคืนจะขุดกันทั้งคืน คนจีนสมัยนั้นส่วนมากจะไว้ผมเปีย
เมื่อทำงานตอนกลางคืนจะนุ่งผ้าเตี่ยวผืนเดียวขุดดินใส่บุ้งกี๋ แล้วก็หาบดินนั้น
เอาขึ้นไปทิ้งนอกเขต ที่ต้องกลางคืนเพราะอากาศไม่ร้อน ทำงานได้ดีตลอดทั้งคืน
แล้วมาพักผ่อนตอนกลางวัน”
เมื่อทำการขุดเสร็จแล้วจึงนำแผนขึ้นทูลเกล้า ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 4 ซึ่งทรงเห็นว่าเป็นคลองที่มีเส้นตรง
ได้รับความสะดวกในการสัญจร จึงทรงพระราชทานนามคลองที่ขุดใหม่นี้ว่า “คลองดำเนินสะดวก” และได้ทำพิธีเปิดใช้คลองนี้เมื่อวันจันทร์
เดือน 7 ขึ้น 4 ค่ำ
ตรงกับวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2411 คลองดำเนินสะดวกนี้เดิมมีความยามมากถึง 35 กิโลเมตร เมื่อแรกขุดนั้นกว้างประมาณ 6 วา
และลึก 6 ศอก แต่นานเข้าตลิ่งถูกน้ำพัดผ่านกัดเซาะ
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากแรงกระทบของคลื่นเรือยนต์ประเภทต่างๆ
เป็นเหตุให้คลองขุดขยายกว้างขึ้นเป็น 10 วาบ้าง 15 วาบ้าง และบางแห่งกว้าง 20 วา ก็มี
เป็นคลองที่ผ่านเขตถึง 3 อำเภอใน 3 จังหวัด คือ อำเภอบ้านแพ้ว อำเภอดำเนินสะดวก อำเภอบางคนที ตลอดคลอง 35 กิโลเมตร เรียกว่าคลองดำเนินสะดวกทั้งคลอง
ธรรมดาของคลองสมัยโบราณจะมีหลักเขตเพื่อบอกที่อยู่ที่แน่ชัดของผู้คนริมคลอง
มีเสาหินสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ 10 × 10 นิ้ว
ปักไว้ที่พื้นดิน หลักเขตจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความยาวของคลอง คือ หลักละ 100 เส้น (4 กิโลเมตร) สำหรับคลองดำเนินสะดวกนั้น
มีหลักทั้งหมด 8 หลัก
แต่ละหลักจะสลักและเขียนสีแดงเป็น 3 ภาษา คือ
เลขไทย โรมัน จีน บอกเลขไว้ทุกหลัก ประตูน้ำของคลองดำเนินสะดวกมี 2 แห่ง คือประตูน้ำบางยาง ในอ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร และประตูน้ำบางนกแขวก
ในอ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ทั้ง 2 แห่งกว้าง 6 เมตร สูง 5 เมตร
สร้างขึ้นเป็นทางปล่อยเรือเข้าออกคลองซึ่งมีมากมายในสมัยก่อน
และยังสามารถกั้นน้ำเค็มที่จะทำลายผลผลิตของชาวบ้านได้อีกด้วย
และในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นได้ใช้คลองดำเนินสะดวกเป็นเส้นทางเดินทางไปยัง
จ.ราชบุรี ประตูน้ำทั้ง 2 แห่งได้ถูกทำลายลงในปี
พ.ศ. 2488 จากระเบิดของฝ่ายสัมพันธไมตรีเพื่อขัดขวางการเดินเรือของญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตามประตูน้ำทั้ง 2 แห่งก็ได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่เช่นเดิม
งบประมาณในการขุดคลองดำเนินสะดวก ใช้งบประมาณ 1,400 ชั่ง เป็นเงิน 112,000 บาท
โดยเป็นทรัพย์สินของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จำนวน 400 ชั่ง สมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ จำนวน 1,000 ชั่ง
และเนื่องจากสมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ รัชกาลที่ 4 จึงทรงอนุญาตให้ท่านและคนในสายสกุลบุนนาคเข้าจับจองที่ดิน 2 ฝั่งคลองได้ ทำให้มีเจ้านายผู้ใหญ่หลายคนมาจับจองที่ดินซึ่งเป็นป่ารก
ดงอ้อ ดงแขม พร้อมขุดคลองน้อย คลองซอยแยกจากคลองใหญ่เพื่อเข้าสู่พื้นที่ของตนจากป่าดงพงแขม
นั้นก็ได้กลายเป็นพื้นที่เกษตรกรรมดังที่เห็นอยู่ทุกวันนี้
ไม่ว่าจะเป็นการปลูกฝรั่ง ชมพู่ มะกอก พุทรา มะยม ลิ้นจี่ ขนุน มะม่วง มะพร้าว
หัวหอม แตงโม แตงร้าน แป๊ะฉ่าย ฯลฯ ซึ่งสินค้าเหล่านี้ก็ได้กลายเป็นผลผลิตหลักของชาวดำเนินสะดวกในการเลี้ยงชีพ
และยังเป็นสินค้าหลักของตลาดน้ำดำเนิน สินค้าจำพวก พริกแห้ง หอม กระเทียม
ล้วนมากจากที่นี่ทั้งสิ้น
หลังจากที่เปิดใช้คลองดำเนินสะดวกแล้ว
คลองก็เต็มไปด้วยเรือนานาชนิดที่สัญจรไปมาไม่เว้นแต่กลางคืน
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นเรือพ่อค้าแม่ค้ามาค้าขายกัน ส่วนใหญ่เป็นคนจีนที่อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในตอนต้นสมัยรัตนโกสินทร์
เป็นคนจีนจากที่ต่างๆ ในเมืองจีน ส่วนใหญ่เป็นแต้จิ๋ว และฮกเกี้ยน
ตระกูลลิ้มหรือแซ่ลิ้ม เป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งในคลองดำเนินสะดวก
นอกจากนี้ก็มีอีกหลายตระกูล ทำให้มีลูกหลานว่านเครือสืบทอดมาจนทุกวันนี้
ด้วยเหตุนี้ เมื่อนักท่องเที่ยวได้ล่องไปตามคลอง
จะได้เห็นศาลเจ้าอยู่คู่กับชุมชนชาวจีนหลายสิบแห่ง
คลองดำเนินสะดวกจึงเป็นเส้นทางคมนาคมค้าขายที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งในเมืองไทย
ทำให้ชาวบ้านมีฐานะดีไปทั่วหน้ากัน จนกระทั่งภายหลังมีการตัดถนนใหม่ ย่นระยะทางให้สั้นลง
และเข้าถึงทุกที่ ในขณะที่คลองซอย ซึ่งมีมากถึง 200 สาย
นั้นเริ่มตื้นเขิน และค่อยๆเลิกใช้ไปทีละสาย ชาวบ้านจึงต่างหันมาใช้ถนนแทน